การชงชาให้ได้รสชาติดี มีข้อสำคัญ 4 ประการ คือ
1.
ปริมาณใบชา จะใช้ใบชาเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะของใบชา เช่น ชาที่มีรูปกลมแน่น
กลมกลวม หรือเป็นเส้น ถ้าใช้ใบชาที่มีลักษณะกลมแน่น จะใช้ชาประมาณ 25 %
ของกาชา ใบชาเมื่อแช่อยู่ในน้ำร้อน จะเริ่มคลี่ตัวออกทีละน้อย
จนเป็นใบชัดเจน ถ้าใส่มากเกินไป จะทำให้การคลาย ตัวไม่สะดวก
ซึ่งรสชาติที่ชงออกมาจะไม่ได้ตามมาตรฐานของชานั้นๆ และ การเสียของใบชา
เมื่อคลายตัวออกมาเต็มที่ ควรจะมีปริมาณประมาณ 90% ของกาชา
2.
อุณหภูมิน้ำ น้ำที่ชงชาไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเดือด 100 องศาเซลเซียส แต่ต้องดูว่าจะชงชาประเภทใด เช่น อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียสขึ้นไป
เหมาะสำหรับชงชาที่ทรงแน่นกลม อุณหภูมิ 80 - 90 องศาเซลเซียส
เหมาะสำหรับชาที่มีรูปร่างบอบบาง แตกหักง่าย หรือชาที่มีใบอ่อนมาก อุณหภูมิต่ำกว่า
80 องศาเซลเซียส ใช้ชงกับชาเขียวทั่วๆไป
3.
เวลา การใช้เวลานานหรือไม่นานนั้น
จะบอกได้ว่า น้ำชาจะอ่อนหรือ แก่ โดยปกติประเภทกลมแน่น จะใช้เวลาในครั้งแรกประมาณ 40
- 60 วินาที ครั้งต่อๆไป เพิ่มอีกครั้งละ 10 - 15 วินาที/ครั้ง
4.
กาชา กาที่ใช้ควรเป็นกาที่ทำจากดินเผา
กาดินเผาจะเก็บความร้อน ได้ดีกว่า และให้การตอบสนองที่ดีกว่ากาที่ทำจากวัสดุอื่น
ปัจจุบันมีการตื่นตัวหันมาดูแลสุขภาพกันอย่างกว้างขวางและจากคุณสมบัติในการป้องกันโรค
ชาเขียวนับเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพที่ได้รับความสนใจอย่างมากในยุคนี้
ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นรู้จักการดื่มชาเป็นอย่างดีและชาที่นิยมดื่มกันมากที่สุดแบ่งตามกรรมวิธีการผลิตได้เป็น
3 ชนิด คือ ชาดำ ชาอูหลงและชาเขียว
ต้นชามีชื่อทางพฤกษาศาสตร์ว่า
“Camellia Sinensis”ที่เป็นที่นิยมจะปลูกในพื้นที่สูง
อากาศเย็น มีความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสม
ใบชาที่มีคุณภาพดีจะเป็นส่วนยอดอ่อนของต้นชา(ใบอ่อนสองใบแรกเท่านั้น)ใบชาจากต้นชาเดียวกันสามารถนำมาผลิตชาได้ทั้ง
3 ชนิด
1.
ชาดำ(Black Tea) เป็นชาที่นำใบชามาอบแห้ง 16 ชั่วโมง
จากนั้นบดด้วยลูกกลิ้งและหมักจนได้ใบชาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำจึงนำไปอบแห้งอีกครั้ง
2.
ชาอูหลง(Oolong Tea)
เป็นชาที่ผ่านกระบวนการผลิตเหมือนชาดำแต่มีการหมักเพียงบางส่วน
ใช้ระยะเวลาสั้นกว่าจึงมีสีน้ำตาลไม่เข้มเหมือนชาดำ ชาอูหลงจะมีกลิ่นหอม
รสชาติชุ่มคอ
3.
ชาเขียว(Green Tea) เป็นชาที่ไม่ผ่านขั้นตอนการหมักเลยเพราะเมื่อเก็บใบชามาได้จะนำมาทำให้แห้งอย่างรวดเร็วในหม้อทองแดง
โดยใช้ความร้อนไม่สูงเกินไปนักและใช้มือคลึงเบาๆก่อนแห้ง
หรืออบไอน้ำในระยะเวลาสั้นๆแล้วนำไปอบแห้งเพื่อยับยั้งการทำงานของเอนไซม์จึงทำใบชามีความสดและยังมีสีเขียวอยู่มาก
การที่ใบชาไม่ผ่านขั้นตอนการหมักทำให้ใบชายังมีวารประกอบฟีนอล(Phenolic
compound) หลงเหลืออยู่มากกว่าชาดำและชาอูหลง
ทำให้ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าด้วย